เส้นเลือดขอดที่เท้า varicose vein
เส้นเลือดขอดที่เท้า varicose vein
เส้นเลือดดำที่เท้าจะมีสองระบบคือเส้นเลือดดำที่ผิวเรียก superficial vein จะนำเลือดจากผิวหนังไปสู่ระบบที่สองคือเส้นเลือดดำที่อยู่ลึกเรียก deep vein ซึ่งนำเลือดกลับสู่หัวใจ โดยมีการบีบตัวของกล้ามเนื้อ เป็นตัวไล่เลือดจากขาไปเส้นเลือดดำใหญ่ในท้อง โดยมีลิ้นๆกั้นเลือดมิให้ไหลกลับ หากลิ้นดังกล่าวเสียซึ่งอาจจะเกิดจากโรคของ valve เอง หรือจากการเสื่อมตามอายุทำให้ไม่สามารถกั้นเลือดไหลกลับเลือดจึงค้างอยู่ในหลอดเลือดดำ จึงเกิดโป่งพองโดยมากเกิดในผู้หญิงอายุ 30-70 ปี
สาเหตุของเส้นเลือดขอดและเส้นเลือดฝอย
- มีความผิดปกติของลิ้นในหลอดเลือดดำ
- เป็นกรรมพันธุ์
- มีการอักเสบของหลอดเลือดดำ thrombophlebitis
- ปัจจัยส่งเสริมเช่น การยืน การนั่งนานๆ
- คนท้อง
- อายุมากมีการหย่อนของลิ้นหลอดเลือด
- การผ่าตัดโดยเฉพาะบริเวณสะโพก
- ผู้ป่วยหัวใจวาย
เส้นเลือดขอดและเส้นเลือดฝอยจำเป็นต้องรักษาหรือไม่
ไม่จำเป็นต้องรักษาการรักษาเป็นเพียงในแง่ความงามเท่านั้น
ปัจจัยที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอด
- อายุมากจะเพิ่มอุบัติการณ์ของการเกิดเส้นเลือดขอด
- ประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ก็จะมีความเสี่ยงเพิ่ม
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นวัยรุ่น การตั้งครรภ์ หรือวัยทอง แม้กระทั่งการรับประทานยาคุมกำเนิดก็จะส่งเสริมทำให้เกิดเส้นเลือดขอด
- การตั้งครรภ์ เนื่องจากมีปริมาณเลือดมาก และมดลูกกดหลอดเลือดทำให้เกิดเส้นเลือดขอด อาการจะดีขึ้นหลังคลอด 3 เดือน
- อ้วน
- การนั่งหรือยืนนานๆ
- การสัมผัสแสงนานๆก็จะเกิดเส้นเลือดฝอยที่ใบหน้า
- อาการของเส้นเลือดขอดที่เท้า
- ปวดเท้าปวดหนักๆ ตึงๆ
- อาจจะเกิดตะคริวของกล้ามเนื้อ
- เห็นเส้นเลือดดำพอง
- บวมหลังเท้า
- เลือดไปเลี้ยงผิวหนังน้อยลง ผิวหนังบริเวณข้อเท้าจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ผิวบาง แห้งและค่อนข้างแข็ง
- หากมีการคั่งของน้ำมากๆ อาจจะเกิดการอักเสบของผิวหนังที่เรียกว่า stasis eczamaซึ่งจะมีอาการคัน หรืออาจจะเกิดแผล
- เลือดออกจากเส้นเลือดขอด
-
การนั่งหรือยืนนานๆจะทำให้อาการดังกล่าวเป็นมากขึ้น
เมื่อไรจะต้องไปพบแพทย์
- เส้นเลือดขอดบวมขึ้น แดง ร้อนและกดเจ็บ
- มีแผลหรือผื่นบริเวณข้อเท้า
- ผิวหนังบริเวณเท้า หน้าแข้งและข้อเท้าหนาตัวและมีสีคล้ำ
- มีเลือดออกจากเส้นเลือดขอด
- อาการของเส้นเลือดขอดรบกวนคุณภาพชีวิต
- ภาพที่ปรากฎหน้าเกลียด
-
เส้นเลือดดำโป่งมีกี่ชนิด
- หลอดเลือดดำใหญ่โป่งมักจะเห็นโป่งนูนขึ้นมาชัดเจน สามารถคลำได้เป็นลำ โดยมากจะมีขนาดเกิน 4 มม
- หลอดเลือดเล็กซึ่งจะทำให้เห็นเป็นใยแมงมุม คลำไม่พบใักจะพบบริเวณต้นขา ข้อเท้า เท้า อาจจะพบที่หน้า ทางการแพทย์เรียก telangiectasias.
-
การวินิจฉัย
หากพบเห็นหลอดเลือดดำพองและบิดขดตำแหน่งที่พบบ่อยคือบริเวณน่องก็สามารถวินิจฉัยได้
บางรายอาจจะใช้ doppler ultrasound
การฉีดสีเข้าหลอดเลือดดำที่เรียก venogram
การดูแลตัวเอง
การออกกำลังกาย การเดินเป็นวิธีดีที่สุดจะเป็นการทำให้การไหลเวียนดีขึ้นแพทย์จะแนะนำวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสม
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
ให้สวมรองเท้าส้นเตี้ยซึ่งจะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงที่ฟิตๆ
ให้ยกขาสูงครั้งละ10-15 นาที วันละ 3-4 ครั้งโดยยกสูงระดับหน้าอก หรือยกขาสูงเมื่อนอนหรือนั่ง
หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนานๆ
ใช้elastic bandage พันตั้งแต่ข้อเท้าถึงบริเวณเข่า
ห้ามนั่งไขว่ห้าง
ห้ามสวมชุดที่คับเกินไปโดยเฉพาะบริเวณเอว ขาหนีบ
ลดอาหารเค็มเพื่อป้องกันอาการบวม
ถ้าหากต้องนั่งนานให้ลุกเดินทุกชั่วโมง และขณะนั่งให้บริหารข้อเท้าตามเข็มและทวนเข็มนาฬิกาสลับกัน เหยียดเท้าและกระดกเท้าทำสลับกัน
เป็นเส้นเลือดขอดอันตรายหรือไม่ทั้งเส้นเลือดขอด และเส้นเลือดฝอยมักจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ แต่ก่อให้เกิดความรำคาญ เช่น เท้าหนัก คัน แต่ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้
แผลที่เท้าซึ่งหายยากเนื่องจากการคั่งของเลือดเป็นระยะเวลานาน
เลือดออก เนื่องจากผิวหนังบริเวณเส้นเลือดขอดจะบาง ทำให้เกิดแผลและเลือดออกง่าย
เส้นเลือดดำอักเสบ เนื่องจากเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดฝอย
ลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ ทำให้เท้าบวม และมีอาการปวด หากมีลิ่มเลือดหลุดลอยไปที่ปอดก็จะเกิดปัญหาอันตราย
จะไปพบแพทย์เมื่อไรเส้นเลือดขอดโป่งพองมาก ผิวหนังแดง และเจ็บ ผิวอุ่น แสดงว่ามีการอักเสบ
เกิดแผลและผื่นใกล้กับข้อเท้า
ผิวหนังบริเวณข้อเท้าและน่องหนาและมีการเปลี่ยนสีผิว
เลือดออกจากเส้นเลือดขอด
ปวดน่องมาก
การรักษาเส้นเลือดขอดมีกี่วิธีจุดประสงค์ของการรักษา
เพื่อบรรเทาอาการ
เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน
เพื่อทำให้ดูดี
เส้นเลือดขอดที่เท้ารักษาอย่างไรที่นิยมใช้การฉีดสารเคมีที่ระคายต่อผนังหลอดเลือดทำให้ผนังหลอดเลือดบวม เลือดในหลอดเลือดแข็งในที่สุดหลอดเลือดนั้นจะตีบตันเรียก sclerosing therapy
จุดประสงค์ของการรักษาเส้นเลือดขอดมีดังนี้
บรรเทาอาการ
ป้องกันโรคแทรกซ้อน
ทำให้ดูดี
แพทย์จะแนะนำการปรับพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดขอด หากโรคมีอาการมากแพทย์จะแนะนำการรักษาดังนี้การใส่ถุง Support
การใส่ Support มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด การใส่ Support เพื่อเพิ่มแรงดันต่อหลอดเลือดมิให้โป่งพอง ชนิดทางการแพทย์จะดีที่สุดเพราะสามารถเพิ่มแรงดันต่อหลอดเลือดได้ดี การวัดขนาดควรจะวัดในขณะที่เท้าไม่บวม support นี้ควรจะใส่ทุกครั้งที่ยืน ถุง support มีด้วยกัน 3 ชนิดได้แก่
การฉีดสารเคมีที่มำให้หลอดเลือดตีบ Sclerotherapy
เป็นวิถีการรักาาที่ได้ผลทั้งหลอดเลือดขอด และหลอดเลือดฝอยใยแมงมุม วิธีการแพทย์จะแทงเข็มฉีดยาเข้าไปยังหลอดเลือดที่ต้องการรักษา และฉีดสารเคมีเข้าไป สารเคมีนี้จะทำให้ผนังหลอดเลือดบวม และติดกันทำให้เลือดไม่สามารถผ่านไปได้ เพียง2-3 สัปดาห์หลอดเลือดที่โป่งพองก็จะยุบและจางหายไป อาจจะต้องฉีดยาซ้ำโดยทั่วไปทำทุก 4-6 สัปดาห์ หลังจากการฉีดแพทย์จะแนะนำการใส่ถุงน่องที่มีการไล่ระดับความดัน
ผลข้างเคียงของการรักษา
- บริเวณที่ฉีดอาจจะมีบวมแดง หรือเลือดออก ซึ่งจะหายไปเอง
- รอยหลอดเลือดซึ่งอาจจะเป็นสีน้ำตาลซึ่งจะจางหายไปเอง
- เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดทำให้เกิดการอักเสบ เมื่อประคบด้วยความร้อนและรับประทานแอสไพรินอาการจะดีขึ้น
-
การทำ Laser
การใช้ laser ของหลอดเลือดที่อยู่ใกล้ผิวหนังซึ่งเป็นเส้นเลือดฝอยจะต้องทำหลายครั้ง เส้นเลือดจึงจะยุบ วิธีการนี้จะทำกับหลอดเลือดที่เล็กกว่า 3 มม ผู้ป่วยที่เป็นเส้นเลือดฝอยใยแมงมุงหรือหลอดเลือดขอดเส้นเล็กๆสามารถใช้laserรักษาได้ หลักการจะส่องรังสีlaserไปยังหลอดเลือดเป้าหมายซึ่งจะทำให้หลอดเลือดตีบและจะค่อยดีขึ้น วิธีการนี้ไม่ต้องผ่าตัด แต่จะมีอาการปวดเนื่องจากความร้อน อ่านการทำlaser หลอดเลือดขอด
การทำ Laser หรือคลื่นวิทยุในหลอดเลือด
การทำ Laser หรือคลื่นวิทยุในหลอดเลือดการรักษานี้จะทำกับหลอดเลือดขอดที่มีขนาดใหญ่ วิธีการจะใส่สายเข้าหลอดเลือดปลายสายจะมีอุปกรณ์ที่ให้แสงlaser หรือ คลื่นวิทยุ ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดตีบจึงใช้รักษาหลอดเลือดขอดได้
การผ่าตัด
การผ่าตัดจะทำกับหลอดเลือดขอดเส้นใหญ่ ซึ่งจะผ่าเอาหลอดเลือดขอดเส้นนั้นออก ส่วนวิธีการผ่าตัดทำได้หลายวิธี ขึ้นกับสภาพของโรค สภาพของผู้ป่วย ความชำนาญของแพทย์
โรคแทรกซ้อนของการรักษามีอะไรบ้าง
- การผ่าตัด จะมีโรคแทรกซ้อนจากการดมยา เช่นคลื่นไส้อาเจียน การติดเชื้อที่แผลผ่าตัด และยังเกิดแผลเป็นบริเวณที่ผ่าตัด
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการผ่าตัด และดมยาสลบ
- เลือดออก
- การติดเชื้อที่แผลผ่าตัด
- แผลเป็น
- มีการทำลายเส้นประสาทที่อยู่กับหลอดเลือด ทำให้เกิดอาการชา
- อาจจะเกิดลิ่มเลือดอุดหลอดเลือด
- sclerotherapy โรคแทรกซ้อนขึ้นกับสารที่ใช้ บางชนิดทำให้เกิดอาการแพ้ บางชนิดทำให้เกิดอาการปวด บางชนิดทำให้เกิดรอยดำ
- การรักษาแต่ละชนิดจะไม่หายขาด เนื่องจากร่างกายอาจจะสร้างเส้นเลือดขึ้นมาใหม่หรือเส้นเก่าเกิดพองเหมือนก่อนรักษา และยังไม่มีวิธีป้องกันการเกิดใหม่
-
เส้นเลือดขอดป้องกันได้หรือไม่
ผู้ป่วยเส้นเลือดขอดมักจะมีอาการปวดน่อง บวมหลังเท้า สีผิวเปลี่ยนแปลง และอาจจะมีแผลที่เท้า เส้นเลือดขอดมักจะพบในผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ ผูัสูงอายุ อ้วน หรือผู้ที่ต้องยืนนานๆ และพบมากในผู้ที่มีประคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ เส้นเลือดขอดไม่สามารถป้องกันได้แต่ชลอการเกิดโรคแทรกซ้อนได้ สำหรับผู้ที่ต้องยืนนานควรจะมีการพัก หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง ยกเท้าสู่ในขณะนั่งหรือนอน และให้ออกกำลังกาย